Just Cause 2 เล่นจริงเจ็บจริง!!! ไม่มีสแตนด์อิน!!! นี่แหละ Just Cause !!! ถ้าคุณไม่เคยเล่น Just Cause มาก่อน ผมขอสรุปสั้นๆ ง่ายๆ ว่า Rico Rodriguez ซึ่งเป็นตัวเอกของเรานั้นเป็นสายลับแห่ง CIA ที่มีงานอดิเรกก็คือการยุ่งเกี่ยวกับอะไรก็ตามที่ระเบิดตูมตามได้ นึกครึ้มก็ไปลอยละล่องชมวิวกลางเวหา หรือไม่ ก็ส่องใครสักคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วยอาวุธในมือ Just Cause เป็นหนึ่งในเกมที่เรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นแอ็คชั่น เพราะด้วยเหตุที่ว่า Just Cause นั้นมีทุกอย่างที่เกมแอ็กชั่นควรจะมี แต่ก็น่าเสียดายอย่าง หนึ่งตรงที่ Just Cause ในภาคแรกต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมายอื้อซ่าทำให้หลายๆ คนต้องเอือมไปก่อนที่จะไปถึงดวงดาว (ซึ่งผมเป็นคนหนึ่งล่ะในจำนวน ที่ว่านี้) แต่อย่างไรก็ตาม Just Cause ก็เป็นอีกเกมที่ถูกสลักตราตรึงไว้ในใจของผู้เล่นหลายๆ คนว่า นี่ล่ะคือเกมแอ็กชั่นที่เราต้องการ
เหตุการณ์วินาศสันตะโรในภาค 2 นี้เกิดขึ้นบนหมู่เกาะที่ชื่อ Panau ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ภารกิจของ Rico ใน Just Cause 2 ก็ออกจะเข้าใจง่ายๆ ภารกิจที่ว่านั้นก็คือ จัดการกับ Tom Sheldon แม้จะเป็นภารกิจที่มีคำอธิบายสั้นๆ ง่ายๆ แค่จัดการกับใครสักคนหนึ่ง แต่ทว่าอันที่จริงแล้วมันไม่ได้สั้นๆ ง่ายๆ อย่างคำอธิบายสักนิด เพราะ T.Sheldon ผู้นี้ก็คือ ครู ของพระเอกของเรานั่นเอง ด้วยเหตุนี้สงครามขนาดย่อมจึงปะทุขึ้นท่ามกลางท้องทะเลสีคราม และทิว ทัศน์อันสวยงามของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และยังคงเป็นเหมือน Just Cause ในภาคแรก ในภาค 2 นี้รูปแบบเกมยังคงเป็นแนว Action Open Play คุณมีอิสระที่จะไปไหนมาไหนก็ได้บนพื้นที่ขนาดมหึมา ของหมู่เกาะ Panau แม้จะมีภารกิจหลักก็คือกำจัดครูของคุณ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญเท่าไหร่ เพราะภารกิจที่สำคัญกว่าก็คือก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ บนเกาะด้วยอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ที่คุณมี (ซึ่งส่วนใหญ่มีผลก่อให้เกิดเสียงอึกทึกครึกโครม) หรือถ้าให้รวบรัดตัดความเกี่ยวกับภารกิจของคุณก็คือ ใช้ชีวิตบน เกาะ Panau ของคุณให้เร้าใจที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้
แม้ Just Cause จะเป็นเกมที่เน้นฉากแอ็กชั่นอันดุเดือดเร้าใจ แต่ก็ใช่ว่าทั้งเกมจะมีแต่ระเบิด เสียงปืน และดอกไม้ไฟ ใน Just Cause 2 มีลูกเล่นหนึ่งที่ถ้าไม่พูด ถึงเลยก็คงไม่ได้ ลูกเล่นที่ว่านั้นก็คืออุปกรณ์ Grappling Hook หรือ ตะขอเกี่ยวนั่นเอง